พฤติกรรมที่ทำให้ท้องผูก

พฤติกรรมที่ทำให้
ท้องผูก

Masthed image
Masthed image
Masthed image

ท้องผูกเป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องปกติของระบบขับถ่าย แต่การละเลยจนทำให้เกิดอาการท้องผูกติดต่อกันเป็นวลานานจนเรื้อรัง นอกจากจะเจ็บปวดขณะขับถ่ายแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจเป็นสาเหตุของโรคอื่นๆ ตามมา โดยมีสถิติแสดงให้เห็นว่า คนไทยมีอาการท้องผูกสูงถึงร้อยละ 24 และพบได้มากในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย1

ดังนั้น การเอาใจใส่ต่อความผิดปกติของระบบขับถ่าย จะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกิดจากระบบขับถ่ายได้อย่างถูกวิธี

จะรู้ได้อย่างไรว่า..ท้องผูก

อาการท้องผูก (Constipation) เป็นอาการที่ไม่สามารถถ่ายอุจจาระได้อย่างปกติ อุจจาระจะมีลักษณะแห้งและแข็ง ทำให้ต้องใช้แรงและเวลามากขึ้นในการเบ่ง หรือปริมาณอุจจาระที่ออกมาน้อย รวมถึงการที่ไม่ได้ถ่ายอุจจาระทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเมื่อของเสียค้างอยู่ในลำไส้นานจนเกินไปจะทำให้เกิดการหมักหมมและส่งกลิ่นรุนแรงขณะที่อุจจาระออกมา2

อาการท้องผูกเมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะถ้าหากเกิดอาการท้องผูกเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการท้องผูกเรื้อรัง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคริดสีดวงทวาร หรือในผู้ป่วยโรคหัวใจอาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้3

พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการท้องผูก

อาการท้องผูกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น  การทานอาหารที่มีกากใยน้อย ทำให้ขาดใยอาหารที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการขับถ่าย รวมถึงการเลือกรับประทานข้าวขัดสี หรือโปรตีนจากเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว กากใยในระบบขับถ่ายก็จะมีน้อยเกินไป ความเครียดก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้ระบขับถ่ายเกิดความแปรปรวน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หลายคนอาจมองข้าม การกลั้นอุจจาระเป็นประจำหรือรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ทำให้การทำงานของระบบขับถ่ายผิดไปจากการตั้งโปรแกรมของร่างกาย ดังนั้น เมื่อมีการกลั้นอุจจาระซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ก็จะทำให้ลำไส้ทำงานผิดปกติได้ การไม่ออกกำลังกายทำให้ลำไส้ไม่ได้รับการกระตุ้นและย่อยอาหารได้ไม่ดี รวมถึงการรับประทานยาระบายเป็นประจำ อาจมีผลให้ลำไส้เกิดการดื้อยา และการบีบตัวเพื่อขับถ่ายอุจจาระน้อยลง

ปรับพฤติกรรม...ลดการท้องผูก

อาการท้องผูกสามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เริ่มจากพฤติกรรมการทานอาหาร โดยเพิ่มอาหารที่มีกากใยในอาหารทุกมื้อในปริมาณอย่างน้อย 20-35 กรัมต่อวัน กากใยในผัก ผลไม้ และธัญพืชจะมีส่วนช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มและเพิ่มการเคลื่อนตัวของลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายง่าย และควรดื่มน้ำเปล่าไม่น้อยกว่า 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน เพราะการขาดน้ำเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อุจจาระแข็งและเกิดอาการท้องผูก4,5

การออกกำลังกายอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้จะช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้น และควรฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลาทุกวัน นอกจากนี้ การเลือกเสริมด้วยอาหารสูตรครบถ้วน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อการขับถ่าย เพราะในอาหารสูตรครบถ้วนนอกจากจะประกอบด้วยโปรตีนคุณภาพ 3 ชนิดแล้ว ยังมีฟรุกโต โอลิโกแซคคาไรด์ (FOS) ใยอาหารที่มีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

 

ร่วมกับการรับประทานอาหารหลักให้หลากหลายครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อาหารทางการแพทย์ ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

TH.2025.61830.ENS.1 (v1.0)©2025Abbott

 

Reference Information: 

  1. ผศ.นพ.ภูริพงศ์ กิจดำรงธรรม หน่วยระบบทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องของแพทย์, Chronic Idiopathic Constipation, https://www.wongkarnpat.com/upfilecme/CME-Idiopathic.pdf
  2. ศ.นพ.สุเทพ กลชาญวิทย์ สาขาวิชาโรคทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี, ภาวะท้องผูกเกิดจากอะไร และเมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์, http://medicine.swu.ac.th/msmc/?p=2321
  3. โรงพญาบาลบำรุงราษฎร์ (09 พฤษภาคม 2562), ปัญหาท้องผูก ต้องแก้ไขให้ถูกวิธี, บทความสุขภาพ, https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/may-2019/constipation-treatment#:~:text=ท้องผูกบ่อยๆ%20ส่งผลอย่างไรบ้าง,-ท้องผูกส่งผล&text=ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร,การผ่าตัดตาและหู
  4. POBPAD, หลากวิธีแก้ท้องผูกที่ทำได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน, สุขภาพ, https://www.pobpad.com/หลากวิธีแก้ท้องผูกที่ท
  5. พญ. ศศิณี ทองประเสริฐ (14 พฤศจิกายน 2561), ปราบอาการท้องผูกในผู้สูงวัยให้อยู่หมัด, บทความสุขภาพ, https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/ท้องผูกในผู้สูงวัย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง